วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556



ภาพลายเส้นนาซคา

ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพ เหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง 
เป็ดและนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบินหรือมันอาจเป็นส่วน 
หนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น

Nazca Lines ลายเส้นของพระเจ้า มนุษย์ต่างดาว หรือคนเดินดิน

สิ่งหนึ่งที่เรามักทำกันเวลาไปนั่งเล่นริมชายทะเลคือเอาไม้วาดรูปเรื่อยเปื่อยไปบนผืนทราย  เมื่อน้ำขึ้นจนท่วมรูปก็จะพัดพาเอาทรายกลับลงทะเลไปกลาย
เป็นชายหาดอันเกลี้ยงเกลาอีกครั้ง
กลางผืนทะเลทรายใกล้ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในประเทศเปรู  จะพบรูปภาพบนผืนทรายที่เหมือนใครเอาไม้ไปขีดเขียนไว้เป็นจำนวนหลายร้อยรูป  
มันคงไม่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ถ้าแต่ละรูปไม่ได้มีขนาดใหญ่โตถึง 200 เมตร และรูปทั้งหมดครอบคลุมเนื้อที่
กว่า 500 ตารางกิโลเมตร  ท้าทายแดด ลม ฝน เป็นเวลากว่าสองพันปี
ภาพลายเส้นง่าย ๆ เหล่านี้มีตั้งแต่รูปคน  รูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง นก แมงมุม ปลาวาฬ กิ้งก่า รูปต้นไม้ จนถึงรูปทรงทางเรขาคณิต เป็นจำนวนหลายร้อยรูป



  จากการศึกษาทางโบราณคดี  พบว่ารูปเหล่านี้สร้างขึ้นในช่วง 200 ปีก่อนคริสตศักราช  จนถึงประมาณปี ค.ศ. 700  ภาพวาดเหล่านี้ใครเป็นผู้วาด 
วาดด้วยจุดประสงค์อันใด  

  และจากขนาดและความยาวของภาพลายเส้นเหล่านี้  คงมิได้สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์บนโลกดูเป็นแน่  แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าภาพเหล่านี้จงใจสร้างขึ้น
เพื่อให้มองจากท้องฟ้า  หรือนี่คือสัญญาณแสดงว่ามนุษย์เราเคยติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวมากว่าสองพันปีแล้ว 



หรือว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาถวายแด่เทพองค์ใดบนท้องฟ้าสรวงสวรรค์ หรือว่ามนุษย์บนโลกค้นพบวิธีการบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อกว่าสองพันปีมาแล้ว
หรือว่าพระเจ้าจะทรงเป็นผู้สลักร่องรอยเหล่านี้ไว้บนผืนโลกกันแน่ 
คำถามเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาท้าทายมนุษยชาติในยุคปัจจุบัน  ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานการบันทึกทางประวัติศาสตร์  เราอาจไม่มีวันทราบคำตอบที่แท้จริงได้เลย
เทคนิคในการสร้างภาพลายเส้นเหล่านี้เป็นวิธีง่าย ๆ แต่ทำยาก  นั่นคือการสกัดหินสีเข้มกว่าที่อยู่ที่ผิวออกให้เห็นเนื้อหินที่สีอ่อนกว่าด้านล่างให้ปรากฏออกมา 
และมีความลึกจากพื้นผิวเพียงแค่ 10-30 เซนติเมตรเท่านั้น  จากการศึกษาค้นคว้า ไม่พบร่อยรอยของเทคโนโลยีใด ๆ ในการก่อสร้าง  
จึงพอจะสรุปได้ว่าทั้งหมดเป็นแรงงานจากฝีมือมนุษย์เท่านั้น 



รูปมนุษย์ (หรือเปล่า) หัวกลมตาโต ยกมือขวาขึ้นโบกมือทักทายรูปนี้ ถูกขนานนามว่า “มนุษย์อวกาศ”  ทำให้ใครต่อใครเชื่อว่าลายเส้นแห่งนาซคาแห่งนี้
เป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก บางคนจินตนาการไปไกลถึงว่าเส้นบางเส้นอาจเป็นร่องรอยการขึ้นลงของยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว  
แต่ทฤษฎีนี้ก็ถูกปฏิเสธมาตลอดเช่นกัน



สาเหตุที่ภาพลายเส้นเหล่านี้อยู่คงทนมาสองพันปี เป็นเพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ไร้ฝน ไร้ลม  เราคงได้แต่หวังว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปคงไม่กระทบ
หรือกระทบช้าที่สุดต่อมรดกโลกที่ซุกซ่อนตัวจากความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ ณ ที่แห่งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น